Health

  • หาวบ่อย เกิดจากสาเหตุอะไร
    หาวบ่อย เกิดจากสาเหตุอะไร

    หาวบ่อย เกิดจากสาเหตุอะไร

    หาวบ่อย หรือการหาว เป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายมีการอ้าปากและสูดหายใจเข้าลึก ซึ่งอาจถูกกระตุ้นด้วยความเหนื่อย ความง่วง หรือเมื่อยล้า การต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นของร่างกาย การหาวอาจเกิดได้จากการพูดถึงหรือการเห็นผู้อื่นหาว มีแนวคิดว่าที่มนุษย์หาวตาม ๆ กัน (contagious yawn) อาจเป็นการสื่อสารทางสังคมของมนุษย์ชนิดหนึ่ง อาการหาวมากผิดปกติคือมีการหาวมากกว่าหนึ่งครั้งในหนึ่งนาที ซึ่งอาจเกิดจากความง่วง หรืออาจถูกกระตุ้นจากโรคหรือภาวะต่างๆ ก็เป็นได้

    สาเหตุและวิธีรักษาอาการหาวบ่อย

    • ความง่วง เหนื่อยล้าจากการนอนหลับไม่เพียงพอ

    การนอนหลับไม่เพียงพอนั้นสามารถเกิดได้จากระยะเวลาการนอนหลับที่สั้นเกินไป หรืออาจเกิดจากการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ เช่น ความเครียด ความกังวล หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอในขณะที่นอนหลับ อาจเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงอื่น ๆ ได้ในอนาคต การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถส่งผลอื่น ๆ ต่อร่างกายได้ เช่น ไม่มีสมาธิ ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ช้า รู้สึกอยู่ไม่สุข เซื่องซึม ไม่ต้องการทำอะไร หรือเหนื่อยเพลีย ปวดเมื่อยร่างกาย หากสงสัยว่าตนมีภาวะนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทดสอบการนอนหลับ (sleep test)

    • ผลข้างเคียงจากยา เช่น กลุ่มยานอนหลับ ยาช่วยคลายกังวล ยาต้านซึมเศร้า ยาแก้ปวดบางชนิด
    • การหาวมากผิดปกติยังอาจเกิดจากโรคทางกายอื่นๆ ได้ เช่น
      • ภาวะเลือดออกบริเวณในหรือรอบๆ หัวใจ หรือโรคหัวใจ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ มักมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก ปวดร้าวไปแขนหรือคอ หายใจไม่อิ่ม คลื่นไส้ วิงเวียน หน้ามืด
      • มะเร็งหรือก้อนเนื้อในสมอง เกิดการกดเบียดทำให้เนื้อสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จึงต้องการการหาวเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย ผู้ป่วยอาจมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ชาหรืออ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ปัญหาด้านการมองเห็น ปัญหาด้านความจำ เป็นต้น
      • โรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เนื้อสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอเช่นกัน จะมีอาการชา อ่อนแรง ใบหน้าเบี้ยว พูดไม่ชัด เดินเซ มีการมองเห็นผิดปกติ หรือวิงเวียนร่วมด้วย
      • โรคลมชัก เกิดการนำกระแสประสาทผิดปกติในหลายส่วนหรือทั้งหมดของสมอง ทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในบางครั้งกระแสประสาทผิดปกตินี้เกิดในสมองส่วนที่ควบคุมการหาว จึงทำให้เกิดการหาวที่ผิดปกติร่วมด้วยได้
      • โรคปลอกประสาทอักเสบ (multiple sclerosis) ทำให้เส้นประสาทในส่วนต่างๆ ของร่างกายเสียหาย ไม่สามารถควบคุมร่างกายบางส่วนได้ หรืออาจเกิดจากความเหนื่อยเพลียและควบคุมอุณหภูมิร่างกายไม่ได้ ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยปลอกประสาทอักเสบ โดยผู้ป่วยมักมีอาการเหนื่อยเพลียมากผิดปกติ ชาหรือรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มที่ลำตัว ใบหน้า แขน ขา การมองเห็นผิดปกติ วิงเวียน เดินหรือทรงตัวลำบาก เป็นต้น
      • ภาวะตับวาย มักพบในรายที่อาการรุนแรงเนื่องจากจะทำให้อ่อนเพลีย มีปัญหาในการนอนหลับ ผู้ป่วยอาจมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว สับสน รู้สึกง่วงมากในช่วงกลางวัน บวมตามลำตัวหรือแขน ขา
      • ภาวะร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าการหาวเป็นวิธีหนึ่งที่ร่างกายใช้เพื่อควบคุมอุณหภูมิ หากร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้ เช่น มีโรคประจำตัวบางชนิด การใช้ยาบางชนิด ในผู้สูงอายุ อาจเกิดการหาวผิดปกติเพื่อเป็นการช่วยในการควบคุมอุณหภูมิกายอีกวิธีหนึ่ง

    การสังเกตตนเองและปรึกษาแพทย์เฉพาะทางสามารถช่วยวินิจฉัยและรักษาภาวะทางกายต่างๆ เหล่านี้ได้

    วิธีแก้ไขอาการหาวบ่อยเบื้องต้นด้วยตนเอง

    • หายใจลึกๆ จะช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย สามารถลดการหาวได้ในผู้ที่การหาวเกิดจากร่างกายต้องการออกซิเจน หรือในกรณีหาวติดต่อกับผู้อื่น (contagious yawn)
    • เคลื่อนไหว ขยับร่างกาย การเคลื่อนไหวร่างกายสามารถกระตุ้นระบบประสาทและสมองได้ สามารถลดการหาวในผู้ที่การหาวเกิดจากความเหนื่อยล้า เบื่อ หรือความเครียดได้
    • เพิ่มความเย็นในร่างกาย เช่น การเดินไปยังบริเวณที่อากาศเย็นและถ่ายเท ดื่มน้ำเย็น หรือกินอาหารว่างเย็นๆ  เช่น ผลไม้แช่เย็น

    ควรพบและปรึกษาแพทย์เมื่อมีการหาวบ่อยมากกว่าปกติและมีอาการอื่นที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาการทางกายที่ผิดปกติอื่นๆ

    การรักษาอาการหาวบ่อย

    • การหาวที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือความเหนื่อยล้า สามารถใช้วิตามินเสริมช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ ในผู้ที่ขาดวิตามิน
    • การหาวผิดปกติที่เกิดจากปัญหาด้านการนอน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับอาจแนะนำแนวทางเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น เช่น การเข้านอนเป็นเวลาเดิมในทุก ๆ คืน การใช้อุปกรณ์ช่วยการหายใจขณะนอนหลับ การออกกำลังเพื่อลดความเครียด หรือการใช้ยาในรายที่จำเป็น เป็นต้น
    • การหาวผิดปกติที่เกิดจากยา แพทย์จะพิจารณาลดขนาดยาลงหรือหยุดยาที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยไม่ควรปรับหรือหยุดยาด้วยตนเอง
    • การหาวที่เกิดจากโรคทางกายอื่น ๆ เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะแนะนำการรักษาที่ตัวโรค ซึ่งจะทำให้อาการหาวผิดปกติดีขึ้นได้

    หาวบ่อย

    หาวบ่อย เป็นสัญญาณบอก 10 โรคนี้

    1. โรคนอนไม่หลับ

    อย่างที่บอกว่าอาการหาวจะเกิดขึ้นเพื่อปลุกให้เราสดชื่น ตื่นตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นข้อสันนิษฐานแรกอาจเดาว่าอาการหาวบ่อย ๆ เป็นเพราะอาการนอนไม่หลับก่อน แต่ทั้งนี้ก็ต้องสังเกตพฤติกรรมการนอนหลับของตัวเองร่วมด้วยนะคะ ว่าเรานอนไม่หลับจริงไหม เช่น มักจะสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ รู้สึกเพลีย และง่วงนอนตอนกลางวัน โดยไม่มีอาการป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย

     2. โรคลมหลับ (Narcolepsy) 

    โรคลมหลับเป็นโรคที่มีอาการง่วงนอนตลอดเวลา และผู้ป่วยมักจะมีภาวะหลับกลางอากาศแม้กระทั่งทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ โดยสาเหตุของโรคนี้แพทย์สันนิษฐานกันว่าอาจมีความผิดปกติที่สมองควบคุมการหลับและตื่น ซึ่งก่อนจะเดาว่าอาการหาวบ่อยของเราส่อถึงโรคนี้ ก็อยากให้เช็กอาการของโรคลมหลับก่อน เช่น นอนเท่าไรก็ไม่พอ รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา มีอาการง่วงนอนพร้อมกับภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง (แขน, ขา) ขณะกำลังจะตื่น หรือเห็นภาพลวงตาช่วงใกล้จะหลับ (ภาวะผีอำ)

    3. นอนกรน

    แม้ภาวะนี้จะไม่ใช่โรค แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระทบกับสุขภาพการนอนหลับของร่างกายมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะคนที่นอนกรนมักจะไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือเรียกง่าย ๆ ว่านอนหลับไม่สนิทนั่นเอง ดังนั้นจึงมักจะรู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอนบ่อย ๆ จนต้องแสดงอาการหาวบ่อย ๆ ไปด้วย ทว่าอาการนอนกรนสามารถรักษาให้หายได้นะคะ ดังนั้นใครรู้ตัวว่านอนกรนจนบั่นทอนสุขภาพอยู่ตอนนี้ ก็รีบเข้ารับการรักษาอาการนอนกรนกันดีกว่า

    4. โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

    โรคอ่อนเพลียเรื้อรังเกิดจากความผิดปกติของกลไกในร่างกาย ซึ่งยังหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้ว่าโรคนี้เกิดจากอะไรกันแน่ ทว่าที่เราจะเห็นได้ชัดคืออาการของผู้ป่วยโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ที่จะมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนแรง ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว อีกทั้งมักจะมีอาการนอนไม่หลับในตอนกลางคืน ทำให้ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น และง่วงในช่วงกลางวันจนต้องหาวบ่อย ๆ ได้

    5. โรคอ้วน

    คนอ้วนมักจะมีความไม่คล่องตัวสูง การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำได้ช้ากว่าปกติ และโดยส่วนมากก็ไม่ค่อยจะอยากเคลื่อนไหวร่างกายกันสักเท่าไรด้วย ดังนั้นแน่นอนว่าความเบื่อ ความง่วง อาการเพลียมักจะเกิดขึ้นกับคนอ้วนได้มากว่าคนที่มีน้ำหนักตัวตามเกณฑ์มาตรฐาน นำมาซึ่งอาการหาวบ่อย ๆ ตามมาได้ ที่สำคัญภาวะน้ำหนักเกินยังเป็นสาเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายชนิด ทั้งโรคเบาหวาน ความดัน และโรคหัวใจด้วยนะคะ

    6. โรคลมชัก 

    โรคลมชัก เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์สมองบริเวณผิวสมอง โดยกระแสไฟฟ้าในสมองเกิดอาการลัดวงจร หรือทำงานผิดปกติไป ส่งผลให้มีความผิดปกติทางระบบประสาทจนผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งอาการหาวบ่อยก็เป็นหนึ่งในความผิดปกติของผู้ป่วยโรคลมชักเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ควรให้แพทย์ทำการวินิจฉัยว่าเราป่วยโรคลมชักหรือไม่อีกทีนะคะ เพราะจริง ๆ แล้วโรคลมชักมีความซับซ้อนของอาการแสดงอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงควรได้รับการตรวจโดยแพทย์อย่างละเอียดอีกที ซึ่งเราก็จะได้รู้วิธีดูแลรักษาตัวเองให้หายจากอาการป่วยด้วย

    7. เนื้องอกในสมอง

    อาการหาวบ่อยในบางกรณีเกิดจากความผิดปกติของสมองและระบบประสาท อย่างโรคเนื้องอกในสมองก็เช่นกันค่ะ โดยผลการวิจัยจากวารสาร Neurosurgery and Psychiatry พบว่า ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเนื้อเยื่อสมองมักจะมีอาการหาวบ่อย ดูเซื่องซึม ซึ่งเขาก็สันนิษฐานกันว่าอาจเกิดจากระบบประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวถูกกดทับ ทำให้เลือดส่งออกซิเจนมาเลี้ยงสมองได้อย่างลำบาก จนร่างกายต้องรับออกซิเจนเพิ่มด้วยการหาวบ่อย ๆ นั่นเอง

    8. โรคปลอกประสาทอักเสบชนิด MS 

    โรคปลอกประสาทอักเสบชนิด MS (multiplesclerosis) เกิดจากเม็ดเลือดขาวในต่อมน้ำเหลืองถูกกระตุ้นจากสารบางชนิดให้เข้าไปทำลายปลอกประสาทในสมอง ซึ่งตัวปลอกประสาทของสมองนั้นมีหน้าที่ส่งต่อกระแสประสาทให้เกิดการเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อเกิดการอักเสบที่ปลอกประสาทแล้ว การนำกระแสประสาทในร่างกายก็จะทำงานได้ช้าลง ส่งผลให้เกิดเป็นอาการผิดปกติต่าง ๆ และหนึ่งในนั้นก็คืออาการหาวบ่อยจนผิดสังเกตนี่แหละค่ะ

    9. ตับวาย

    อาการหาวบ่อยจะพบในผู้ป่วยโรคตับวายในระยะที่อาการเริ่มรุนแรงแล้ว เนื่องจากผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ จึงเกิดอาการหาวบ่อย ๆ ได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วอาการหาวบ่อยในผู้ป่วยตับวาย ก็ไม่ถือว่าอันตราย และยังอาจเป็นวิธีช่วยทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ด้วยนะคะ

    10. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

    อาการนี้อันตรายและต้องสังเกตให้ดีค่ะ เพราะหากมีอาการหาวบ่อยผิดปกติร่วมกับรู้สึกเจ็บหน้าอก หายใจได้สั้นลง ตัวซีด ตัวเขียว ให้รีบพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ไม่สะดวกจนเกิดความผิดปกติและอาจอันตรายถึงชีวิตได้

    โดยนอกจากอาการหาวบ่อยจะบอกโรคดังกล่าวได้แล้ว ภาวะหาวบ่อยยังอาจเกิดจากประเด็นเหล่านี้

    • ภาวะเครียด สมองล้า อ่อนเพลีย

    สำหรับคนที่มักจะหาวบ่อยในช่วงบ่าย ๆ เย็น ๆ ใกล้เวลาเลิกงาน และยังคงมีอาการหาวต่อเนื่องไปจนถึงหัวค่ำ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้รู้สึกง่วงนอน อาการหาวบ่อยที่เป็นอยู่อาจแสดงถึงความเครียด ความอ่อนล้าของสมองจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนที่นั่งทำงานนาน ๆ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย การอยู่ในอิริยาบถเดิม ๆ แบบนี้จะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานไม่สะดวก สมองก็จะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายต้องเปิดปากหาวเพื่อรับออกซิเจนเพิ่มเติม

    • ผลข้างเคียงจากยา

    โดยเฉพาะยาในกลุ่มที่ใช้รักษาอาการทางจิตเวช เช่น ยาต้านเศร้า ยารักษาอาการวิตกกังวล อาจมีผลข้างเคียงให้ผู้ป่วยง่วงซึมท้งวัน และเกิดอาการหาวบ่อย ๆ ให้เห็นได้ หรือยากลุ่มรักษาอาการภูมิแพ้ (ยาแก้แพ้) บางชนิดก็ก่อให้เกิดอาการง่วงหนักมากได้เช่นกัน

    • หาวบ่อยเพราะอาหาร

    อาหารประเภทแป้งและน้ำตาลเป็นตัวการที่ทำให้ร่างกายง่วงซึม ซึ่งในที่นี้หมายถึงการกินน้ำตาลและแป้งในปริมาณที่มากจนเกินไปนะคะ เนื่องจากเมื่อเรากินอาหารประเภทนี้เข้าไปมาก ตับอ่อนก็จะส่งอินซูลินออกมาเพื่อย่อยน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ก่อให้เกิดอาการง่วงงุนตามมา

    วิธีแก้อาการหาวบ่อย

    • ดื่มน้ำเปล่าเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้เลือดอีกทาง และการดื่มน้ำเปล่ายังจะปลุกความสดชื่นให้ร่างกายด้วย
    • เคลื่อนไหวร่างกายให้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะตอนที่หาว ให้ลุกไปเดินเล่น เปลี่ยนบรรยากาศให้ตัวเองสักหน่อย
    • สูดหายใจเข้าลึก ๆ บางทีความเผอเรออาจทำให้เราหายใจไม่เต็มปอดได้ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ดังนั้นสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าไว้ค่ะ
    • ออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี ไม่แออัดไปด้วยผู้คน ยิ่งหากเป็นพื้นที่ที่มีสีเขียวจากต้นไม้ สีฟ้าจากท้องฟ้า และแสงแดดอ่อน ๆ ก็จะช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นความตื่นตัวและช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
    • กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ และพยายามเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล ที่อาจทำให้ง่วงได้หากกินมากเกินไป
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยพยายามนอนอย่างน้อย 6-7 ชั่วโมงต่อวัน
              อย่างไรก็ดีไม่อยากให้ทุกคนตื่นตูมว่าอาการหาวบ่อยที่เป็นอยู่อาจเพราะป่วยสักโรคใน 10 โรคที่กล่าวมา เพราะอย่างที่บอกว่า นอกจากหาวบ่อยแล้วยังต้องสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย หรือถ้าจะให้ชัวร์ที่สุดคือต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์โดยละเอียด ดังนั้นหากสงสัยอาการหาวบ่อยของตัวเองก็ควรปรึกษาแพทย์

    ที่มา

     

    ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  http-sniffer.com

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • โลกพึ่งพาพลังงาน รัสเซีย มากแค่ไหน
    โลกพึ่งพาพลังงาน รัสเซีย มากแค่ไหน

    สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ประกาศจำกัดการนำเข้าน้ำมันของ รัสเซีย โดยไม่สนคำขู่ของรัสเซียที่ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า อาจตัดการจ่ายก๊าซไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรป หากชาติตะวันตกเดินหน้าแบนน้ำมันของรัสเซีย นอกจากนี้ มอสโกยังเตือนด้วยว่าผลที่ตามมาจากการคว่ำบาตรพลังงานรัสเซียจะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้นเท่าตัว

    รัสเซีย ส่งออกน้ำมันมากขนาดไหน?

    รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย โดยรัสเซียส่งออกน้ำมันดิบประมาณ 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่าครึ่งถูกส่งไปยุโรป

    ขณะที่น้ำมันจากรัสเซียคิดเป็น 8% ของความต้องการน้ำมันทั้งหมดในสหราชอาณาจักร ส่วนสหรัฐฯ นั้น พึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียน้อยกว่า ด้วยการนำเข้าเพียงประมาณ 3% ในปี 2020

    แล้วไม่มีทางเลือกอื่นหรือ?

    เบน แมควิลเลียมส์ นักวิเคราะห์วิจัยนโยบายพลังงาน กล่าวว่า การหาน้ำมันจากผู้ผลิตรายอื่นเพื่อมาทดแทนน้ำมันจากรัสเซียอาจง่ายกว่าการจัดหาก๊าซ

    ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ขอให้ซาอุเพิ่มการผลิตเพื่อทำให้ราคาน้ำมันลดลง แต่ซาอุปฏิเสธคำขอก่อนหน้านี้ของสหรัฐฯ

    ซาอุเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ซึ่งน้ำมันจากกลุ่ม OPEC คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของน้ำมันดิบที่ซื้อขายกันระหว่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ OPEC จึงมีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดราคาน้ำมันในตลาดโลก

    สำหรับรัสเซีย ถึงแม้ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม OPEC แต่ก็ร่วมมือกับ OPEC ลดการผลิตน้ำมันมาตั้งแต่ปี 2017 โดยมีจุดประสงค์เพื่อพยุงราคาน้ำมันไม่ให้ปรับตัวลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อบรรดาประเทศผู้ผลิต

    นอกจากหวังพึ่งซาอุแล้ว สหรัฐฯ กำลังมองไปที่เวเนซุเอลาด้วยเช่นกัน โดยอาจพิจารณาผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของเวเนซุเอลา ซึ่งเคยเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ แต่ปัจจุบัน เวเนซุเอลาขายน้ำมันส่วนใหญ่ให้กับจีน

    จะเกิดอะไรขึ้นหาก รัสเซีย หยุดจ่ายก๊าซให้ยุโรปตะวันตก?

    อเล็กซานเดอร์ โนวัก รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เตือนว่า การแบนน้ำมันและก๊าซของรัสเซียจะก่อให้เกิดหายนะใหญ่หลวงต่อตลาดโลก

    ค่าทำความร้อนที่สูงอยู่แล้ว ก็จะยิ่งปรับตัวสูงขึ้นไปอีก โดยสหภาพยุโรปนำเข้าก๊าซจากรัสเซียถึงประมาณ 40% ของการนำเข้าก๊าซธรรมชาติทั้งหมด ซึ่งหากรัสเซียปิดท่อส่งก๊าซ อิตาลีและเยอรมนีจะได้รับผลกระทบหนักกว่าเพื่อน

    แม้ยุโรปอาจหันไปหาผู้ส่งออกก๊าซรายอื่นได้ เช่น กาตาร์ แอลจีเรีย และไนจีเรีย แต่อุปสรรคคือการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วนั้นเป็นเรื่องยาก

    ขณะที่สหราชอาณาจักรนำเข้าก๊าซจากรัสเซียเพียง 5% เท่านั้น และสหรัฐฯ ไม่ได้นำเข้าก๊าซจากรัสเซียเลย แต่ถึงกระนั้น ราคาก๊าซในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผลกระทบสืบเนื่องจากการขาดแคลนอุปทาน

    รัสเซีย 2

    สามารถหาแหล่งทางเลือกอื่นแทนก๊าซจากรัสเซียได้หรือไม่?

    คำตอบคือ ไม่ง่ายนัก

    “การหาก๊าซจากซัพพลายเออร์รายอื่นนั้นยากกว่า เพราะเรามีท่อส่งขนาดใหญ่ที่นำก๊าซของรัสเซียไปยังยุโรป” แมควิลเลียมส์กล่าว

    หน่วยงานวิจัยเบรอเคิลคาดการณ์ว่า หากรัสเซียหยุดส่งก๊าซไปยังยุโรป ยุโรปก็อาจนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ มากขึ้น หรือเพิ่มการใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ ให้มากขึ้น อย่างไรก็ดี มันไม่ง่ายและไม่เร็วที่จะทำได้เช่นนั้น

    “พลังงานหมุนเวียนต้องใช้เวลาจึงจะผลิตได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นในระยะสั้น นี่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา” นักวิเคราะห์วิจัย ซิโมน ตาญาปิเอตรา กล่าว

    “ดังนั้น สำหรับฤดูหนาวหน้า สิ่งที่สามารถสร้างความแตกต่างได้คือการเปลี่ยนเชื้อเพลิง เช่น การเปิดโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง เนื่องจากอิตาลีและเยอรมนีมีแผนจะดำเนินการเช่นนั้นในกรณีฉุกเฉิน”

    สหภาพยุโรปได้เสนอแผนเพื่อให้ยุโรปเป็นอิสระจากเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียก่อนปี 2030 ซึ่งรวมถึงมาตรการในการกระจายแหล่งจ่ายก๊าซ และหาเชื้อเพลิงอื่นมาใช้แทนก๊าซในการผลิตความร้อนและพลังงานไฟฟ้า

    ค่าน้ำมันและค่าก๊าซจะแพงไปอีกนานแค่ไหน?

    ผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากสงครามครั้งนี้

    สำหรับในสหราชอาณาจักร ขณะนี้รัฐบาลยังควบคุมราคาพลังงานในครัวเรือนอยู่ แต่ค่าก๊าซจะเพิ่มขึ้น 700 ปอนด์ เป็นประมาณ 2,000 ปอนด์ในเดือนเมษายนเมื่อมีการปรับเพิ่มเพดานราคา และคาดว่าจะพุ่งขึ้นไปถึง 3,000 ปอนด์ เมื่อปรับเพิ่มเพดานอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงนี้

    ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลของสหราชอาณาจักรพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน และคาดว่าน้ำมันเบนซินจะสูงถึง 175 เพนซ์ต่อลิตร ในขณะที่สงครามยังคงดำเนินต่อไป

    ส่วนในสหรัฐฯ ราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 โดยสมาคมยานยนต์อเมริกันระบุว่า ราคาขายปลีกน้ำมันพุ่งขึ้น 11% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

    “ผมคิดว่าถ้าเราอยู่ในโลกที่รัสเซียหยุดส่งน้ำมันและก๊าซไปยังยุโรป เราจำเป็นต้องมีมาตรการแบ่งสรรปันส่วนพลังงาน” แมควิลเลียมส์กล่าว

    “เรื่องที่พูดกันอยู่ในตอนนี้คือ เราสามารถบอกให้ครัวเรือนลดอุณหภูมิลงหนึ่งองศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยประหยัดก๊าซได้ในปริมาณมาก”

    และนี่เป็นเพียงตัวอย่างผลกระทบด้านราคาที่เกิดขึ้นกับประเทศที่เป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลกระทบจะเกิดขึ้นตามมาเป็นโดมิโนกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ประเทศในเขตร้อนที่ไม่ได้พึ่งพาก๊าซและน้ำมันเพื่อสร้างความอบอุ่นในครัวเรือนเหมือนกับประเทศซีกโลกเหนือ

    จีน อินเดีย และตุรกี จะช่วยได้ไหม

    ตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น และยอดขายให้ยุโรปลดน้อยลง จีนและอินเดียทุ่มซื้อน้ำมันดิบลดราคามากมายจากรัสเซีย ด้านตุรกีเองก็ได้ผลประโยชน์โดยกลายมาเป็นประเทศทางผ่านในการส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย

    อย่างไรก็ดี แม้จะได้ผลประโยชน์บางอย่าง สงครามในยูเครนก็ส่งผลกระทบต่อประเทศที่วางตัวเป็นพันธมิตรใหม่ของรัสเซียเช่นกัน

    ขนาดเศรษฐกิจของประเทศตะวันตกที่พัฒนาแล้วคิดเป็นถึง 2 ใน 3 ของขนาดเศรษฐกิจโลก แต่ขนาดเศรษฐกิจรัสเซียคิดเป็นแค่ 2%

    ชาติตะวันตกเป็นแหล่งเทคโนโลยี, เงิน, การศึกษา, ทักษะต่าง ๆ และผู้บริโภคที่ร่ำรวย ขณะที่รัสเซียมีแค่น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่จะจัดส่งสินค้าเหล่านี้หนีจากยุโรปไปทางตะวันออกได้


    ติดตามข่าวอื่นๆได้ที่ https://www.http-sniffer.com/
    สนับสนุนโดย  ufabet369
    ที่มา thestandard.co